วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

:: เรียบเรียง ::

..

หนึ่ง คนที่ใกล้ใจเรามากสุด มักทำให้เราเจ็บได้มากที่สุด
สอง บางที อดีตก็แวบผ่านมา ให้ ระลึก คำนึง และ หวนหา
สาม เหนื่อย


สี่ .. ไม่มีอะไร แค่ ... เท่านั้นเอง

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อยากบอกว่า ไม่ต้องขอโทษ..นะเพื่อน

ตั้งใจว่า วันนี้จะเข้ามาปัดกวาดบ้านนี้ หลังจากไม่ได้เข้ามาขีดเขียนที่นี่นานพอควร
และได้เห็นถ้อยคำที่เพื่อนร่วมรุ่นได้เขียนถึงไว้
จึงขอใช้พื้นที่นี้ตอบ ..

เพื่อนเอย..

ไม่ต้องขอโทษดอกเพื่อน
ไม่ถึงกับไม่พอใจ แต่ อยากสร้างความเข้าใจเพิ่มเติมให้เท่านั้น
ไม่ได้เป็นเรื่องผิดอันใด
ข่าวสารของแต่ละคนไม่เท่ากัน
เรื่องราวที่เราถ่ายทอดให้ฟัง ก็มาจากข่าวสารด้านเดียวของเรา
อาจถูก หรือผิด อาจครบถ้วน หรือถูกแต่งแต้มต่อเดิม ย่อมได้ทั้งสิ้น

เพียงแต่เราเปิดใจที่จะรับฟังข่าวสารของอีกฝั่งบ้างเท่านั้นเอง
คงเหมือนกับที่เราบอกเพื่อนว่า ทำไมเราจึงเดินไปราชประสงค์
นั่งฟังแท๊กซี่พูด ถามไถ่จากผู้คนบางคนที่เข้าไปนั่งฟังการชุมนุม
และรับข้อมูลข่าวสารจากทั้งหนังสือพิมพ์ ไม่ว่า
จะเป็น ค่ายมติชน ข่าวสด
หรือข้ามค่ายมายัง ไทยโพสต์ แนวหน้า
ดูข่าวทั้ง ช่องสาม หรือ TNN24 ที่ว่ากันว่ารัฐบาลจ๋า
เสียดายที่ช่องข่าวต่างประเทศ ยังไม่ถนัดที่จะรับฟังได้

ส่วนที่เราค้างกันไว้
เรายังยืนยันว่า เห็นด้วย
ที่เราจำแนกว่า คนไทยเราแบ่งเป็นหลายกลุ่ม
เหมือนแดงที่มีหลายแดง แดงจริง แดงแจ๊ด แดงเทียม
เสื้อเหลือง เสื้อขาว เสื้อน้ำเงิน หรือเสื้อหลากสี

ทุกคนว่ากันไปตาม ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับฟังกันมา
ใครประมวลผล ไตรตรองได้เท่าใด คงขึ้นอยู่กับ
ความเชื่อ ความชอบ ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อมของแต่ละคนไป

ท้ายสุด คงบอกได้เพียงว่า
ทุกคนก็รักชาติทั้งสิ้น
ขอเพียงให้รักชาติให้ถูกทิศ ถูกทาง
ถูกวิธี เท่านั้นเอง


และก็ยัง ยืนยันว่า การเผาบ้านเผาเมืองนั้น มัน.. เกินไป ..

อาจยังไม่ได้ตอบในแนวคิดรัฐศาสตร์ของเพื่อนได้
หวังว่า เพื่อนอาจจะหาคำตอบได้
และเล่าสู่กันฟังบ้างนะ

ไอ่เรื่องเบื่อหน่ายต่อกลุ่มเพื่อนที่ร่วมชั้นนั้นหนา
เมื่อเป็นทางที่เราเลือกได้ ถ้าปรับตัวไม่ได้
ก็ต้องยอมรับให้ได้

จะดีจะชั่ว จะเบื่อจะเซ็ง มานก็ติดอยู่กับตัวเราทั้งสิ้น

อยากให้เพื่อนมีความสุขพอควร
เพื่อนร่วมรุ่น ณ กทม.

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

ก็ดี..เหมือนกัน

"ก็ดีเหมือนกัน"

..

เสียงวิทยากรในห้องสัมมนา ส่งเสียงบอกพวกเรากำลังสอนให้พวกฉันคิดตาม เธอว่า..
เมื่อเจอเรื่องราว..จะดี จะร้าย กระทบใจอย่างไร
ให้คิด ให้เอ่ยว่า.. "..ก็ดีเหมือนกัน..""
แทนที่จะเอ่ยว่า "'งานเข้า" .. "ซวยละกรู"

เอ่อ ลองคิดตาม
นายให้งานเพิ่ม .. เอ่อ ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ลองทำงานใหม่ๆ


แฟนมีกิ๊ก.. อืมม ก็ดีเหมือนกัน มีคนช่วยเอาใจเพิ่มอีกคน


ขับรถหลงทาง วุ้ย..ได้รู้เส้นทางใหม่ ก็ดีเหมือนกันนะ


คิดบวก ทำนองนั้น
ส่วนฉันนอกจากคิดบวกแล้ว ตามด้วย ลบ คูณ หาร
สุดท้าย บวก ลบ คูณ หารแล้ว บาลานซ์..สูญ เอ๊ย..ศูนย์ พอดี


..

ที่ทำงานของฉัน พาพวกเราไปบ่มนิสัยกันถึงต่างจังหวัด
..ข่าวก่อนออกเดินทาง แว่วว่ามีกิจกรรม Walk Rally
นั่นแปลว่า คงเป็นบริเวณนอกห้องสัมมนา ท่ามกลางอากาศร้อนเดือด
สมุนร้ายแอบวางแผนกันว่า เราจะแกล้งเป็นลมคนที่หนึ่ง
คนที่สอง จะเข้าไปช่วย..แต่ช่วยไม่ไหว ต้องให้เพื่อนคนที่สามเข้าไปช่วยแบก..คนที่สี่วิ่งไปเอายา คนที่ห้าเป็นลมอีกคน
คิดไปได้..สุดท้าย อยู่ในห้องสัมมนากันครบทุกคน
ไม่ได้เปลี่ยนใจเป็นคนดี ..
แค่วิทยากรจัดกิจกรรมในห้องแอร์เท่านั้นเอง 555

..

วงไพ่เลิกราตอนเที่ยงคืนกว่า..ฉันเป็นแค่นักลงทุนที่ลงทุนผ่านมืออาชีพ
ภาษาชาวบ้านเรียก..นายทุน..(ที่ขาดทุน)

กลับเข้าห้อง ได้นอนคนเดียว..ชอบยิ่งนัก
นอนกรนได้เสียงดัง ไม่ต้องเกรงใจใคร
เอาน่ะ..แค่ห้อยพระ สวดมนต์ เปิดไฟสว่างโร่ เอ๊ง..

ตื่นแต่เช้า..อากาศดีกว่าที่คิดไว้

คว้าหนังสือเล่มที่เดินทางมาด้วย
เพื่อนคนหนึ่ง ส่งมาให้..
สิ่งดีดีในชีวิต..For The Good Time






เธอคงอยากให้ฉันได้พบสิ่งดีๆ ในชีวิต

อืมม การได้รู้จักกับเธอ..นั่นเป็นสิ่งดี พอเพียงแล้ว

..

ก็ดีเหมือนกัน..

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ยามนี้




ก็หมอง หมอง มัว มัว แบบนี้แหละ

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

ผัดผักบุ้งไฟแดง

ไม่ใช่เต่า แต่ชอบกินผักบุ้งยิ่งนัก

ล่าสุด เคืองใจ เมื่อไปสั่งผัดผักบุ้งไฟแดงกินในร้านอาหารจีนในห้างกลางเมือง

โดนเพื่อนร่วมโต๊ะ ประนามหยามเหยียดว่า ผัดผักบุ้งไฟแดงอ่ะ

ช่วยสั่งที่ร้านข้าวต้มข้างทางได้ไหม

เราตอบว่า ไม่ได้ เพราะผัดผักบุ้งร้านนี้อร่อยมากกกกกก

..

เคือง.. ทำไมฟร่ะ

กินผัดผักบุ้งไฟแดง จานละ แปดสิบบาท ไม่ได้หรือไง

ถ้าไม่อยากให้สั่ง ผัดให้กิน เอาให้เหมือนละกัน..

..

เข้ามาบ่น ให้เพื่อนฟัง

เพราะเพื่อนร้องเรียก เรียกร้อง
ว่าให้ส่งเสียง จะได้รู้สึกว่า ยังมีชีวิตอยู่

..

ไม่มีเรื่องอื่นให้บ่น
เพราะช่วงนี้งานชุกชุม

ไม่มีเวลาสายลมแสงแดด
หายใจเข้าออก ยังไม่ค่อยจะทัน

แต่ เพื่อ เพื่อน

น้อยกว่านี้ได้งัย

5555

สำหรับนาย ..รำพึง

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ระยะห่าง




คาลิล ยิบราน เอ่ยไว้ว่า

"จงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก เพราะเสาของวิหารก็อยู่ห่างกัน
และ ต้นโพธิ์ต้นไทรก็ไม่เคยเติบโตภายใต้ร่มเงาของกันและกัน"

ฉันอ่านเจอในหนังสือเล่มเล็กที่หย่อนใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายไป

อืมม จริงแท้ที่เดียว

อยู่ใกล้กันนัก
ความรักอาจลบเลือนได้

..

เส้นทางในแต่ละวัน
ฉันพบเจอผู้คนจำนวนหนึ่ง

หลายคนที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมากกว่าแปดชั่วโมงในห้าวัน
หลายคนที่เราได้ทักทายซึ่งกันและกัน

ในจำนวนนั้น บางคนที่เราได้แสดงความรู้สึกห่วงใยกัน
และ บางคนที่อยู่ในใจของกันและกัน

เมื่อวานฉันนั่งริมทะเล
คิดถึงใครหลายคน และ ใครบางคน

ความคิดถึงของฉัน
ส่งผ่านท้องทะเลสีคราม ผ่านท้องฟ้ากว้าง

และ อาจไปไม่ถึง

..



ทะเลสีคราม ท้องฟ้ากว้าง
และ ระยะห่างระหว่างเรา

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

แพ้ความใจดี..

ห้าโมงเย็น
ปริมาณกองงานตรงหน้า
ไม่ได้ทำให้เหนื่อยล้าอย่างใด
แต่คำสั่งที่แนบมา..
นั่น..ทำให้ฉันเงียบงันไป
ไม่ยาก แต่เกินกว่าที่อำนาจหน้าที่ฉันจะทำได้
..

คำสั่งนั้นทำเอาระบบประมวลผลของฉัน
หยุดทำงาน
ตัวเลขในสมองฉันตีกันวุ่นวาย
สมองซีกซ้าย ซีกขวา สับสน
Memory คง error
Ram คงไม่พอที่จะประมวลผล

ปิดงานตรงหน้า
บอกตัวเองว่า พอก่อน


..

ก้าวไปสู่อีกโลก

ฉันคลิ๊กเข้าบล็อกแกงค์
ไปบ้านหลังหนึ่งที่เคยคุ้น
เรื่องราวของเดือนกันยายนที่ผ่านไป


Please..

ฉันใช้คำนี้ไม่บ่อยนัก
ได้โปรด..
ได้โปรดมาหากันได้ไหม
สองปีผ่านไป กับการผ่านไปของคำสัญญา
วันนี้ ขออนุญาต ..ใช้กับคุณ
Please..
เพราะคนเคยคุ้นที่ให้เอ่ยปาก
จากลาไปแล้ว

..

ในรถไฟฟ้า
ฉันใช้เวลาที่ผ่านไปด้วยการเข้าบล็อกเรื่องราวที่เล่าขานไว้เมื่อเช้า
ฉันเห็นถ้อยคำ
ฉันรับรู้ถึงความห่วงใยของใครหลายคน

ขอบคุณนะ

..

ถ้อยคำของ..คุณ
ฉันอ่านทวนหลายรอบ
แล้ววันนี้..
ฉันนั่งรถไฟฟ้าเลยสถานีปลายทางของทุกวัน
อย่างไม่ตั้งใจ

ฉันยิ้มหัวกับความไม่รับรู้เรื่องราวของตัวเอง
และยกมือปาดน้ำอุ่นจากปลายตา

ขอบคุณนะคุณ
ขอบคุณที่ใส่ใจ


..