วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ระยะห่าง




คาลิล ยิบราน เอ่ยไว้ว่า

"จงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก เพราะเสาของวิหารก็อยู่ห่างกัน
และ ต้นโพธิ์ต้นไทรก็ไม่เคยเติบโตภายใต้ร่มเงาของกันและกัน"

ฉันอ่านเจอในหนังสือเล่มเล็กที่หย่อนใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายไป

อืมม จริงแท้ที่เดียว

อยู่ใกล้กันนัก
ความรักอาจลบเลือนได้

..

เส้นทางในแต่ละวัน
ฉันพบเจอผู้คนจำนวนหนึ่ง

หลายคนที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมากกว่าแปดชั่วโมงในห้าวัน
หลายคนที่เราได้ทักทายซึ่งกันและกัน

ในจำนวนนั้น บางคนที่เราได้แสดงความรู้สึกห่วงใยกัน
และ บางคนที่อยู่ในใจของกันและกัน

เมื่อวานฉันนั่งริมทะเล
คิดถึงใครหลายคน และ ใครบางคน

ความคิดถึงของฉัน
ส่งผ่านท้องทะเลสีคราม ผ่านท้องฟ้ากว้าง

และ อาจไปไม่ถึง

..



ทะเลสีคราม ท้องฟ้ากว้าง
และ ระยะห่างระหว่างเรา

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

แพ้ความใจดี..

ห้าโมงเย็น
ปริมาณกองงานตรงหน้า
ไม่ได้ทำให้เหนื่อยล้าอย่างใด
แต่คำสั่งที่แนบมา..
นั่น..ทำให้ฉันเงียบงันไป
ไม่ยาก แต่เกินกว่าที่อำนาจหน้าที่ฉันจะทำได้
..

คำสั่งนั้นทำเอาระบบประมวลผลของฉัน
หยุดทำงาน
ตัวเลขในสมองฉันตีกันวุ่นวาย
สมองซีกซ้าย ซีกขวา สับสน
Memory คง error
Ram คงไม่พอที่จะประมวลผล

ปิดงานตรงหน้า
บอกตัวเองว่า พอก่อน


..

ก้าวไปสู่อีกโลก

ฉันคลิ๊กเข้าบล็อกแกงค์
ไปบ้านหลังหนึ่งที่เคยคุ้น
เรื่องราวของเดือนกันยายนที่ผ่านไป


Please..

ฉันใช้คำนี้ไม่บ่อยนัก
ได้โปรด..
ได้โปรดมาหากันได้ไหม
สองปีผ่านไป กับการผ่านไปของคำสัญญา
วันนี้ ขออนุญาต ..ใช้กับคุณ
Please..
เพราะคนเคยคุ้นที่ให้เอ่ยปาก
จากลาไปแล้ว

..

ในรถไฟฟ้า
ฉันใช้เวลาที่ผ่านไปด้วยการเข้าบล็อกเรื่องราวที่เล่าขานไว้เมื่อเช้า
ฉันเห็นถ้อยคำ
ฉันรับรู้ถึงความห่วงใยของใครหลายคน

ขอบคุณนะ

..

ถ้อยคำของ..คุณ
ฉันอ่านทวนหลายรอบ
แล้ววันนี้..
ฉันนั่งรถไฟฟ้าเลยสถานีปลายทางของทุกวัน
อย่างไม่ตั้งใจ

ฉันยิ้มหัวกับความไม่รับรู้เรื่องราวของตัวเอง
และยกมือปาดน้ำอุ่นจากปลายตา

ขอบคุณนะคุณ
ขอบคุณที่ใส่ใจ


..

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

ที่เห็นและเป็นไป..

เงียบ และ ง่าย
น่าจะเป็นคำบอกกล่าวถึงชีวิตยามนี้
..

จะเรียกว่า เหงา
ก็ไม่ใช่
ไม่เหงา..อืมม ไม่เหงา
ชีวิตก็ดำเนินไป
หายใจนิ่งๆ พ้นผ่านไปในแต่ละวัน
..

เหมือนบางอย่างในชีวิต หายไป
ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า คืออะไร
ตอบไม่ได้เหมือนกัน

..

ไม่ได้เหงา
ไม่ได้เศร้า
แค่ บางอย่าง..หายไป

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

หมอ..จ๊ะ

เดือนก่อน..บริษัทจัดให้ตรวจร่างกาย
อาทิตย์ก่อน..บริษัทจัดให้ฟังผลการตรวจ

วันก่อน..ไปพบหมอจ๊ะ มา..ฟังรายงานผลการตรวจร่างกาย

อืมม..คุณหมอหนุ่มน้อยคนนั้น..ไม่ได้ชื่อ จ๊ะ ..
แต่ว่า .. เมื่อเข้าไปพบ..
คุณหมอเงยหน้ามาส่งยิ้มอุ่น..อุ่น..

สวัสดีจ๊ะ..

ไหนหมอดูรายงานผลก่อนนะจ๊ะ

อืมม ต้องออกกำลังบ้างนะ 120/90 ความดันเริ่มสูงแล้ว

ความดันทุรังของฉัน สูงอยู่แล้ว

น้ำหนักขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ .. เอางี้ หมอว่า

ไม่ต้องอดอาหารนะ แค่ ดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วก่อนอาหารนะจ๊ะ..

ชีพจรล่ะ 88 เอ่อ..หมอว่า ต้องออกกำลังกายนะ ปรกติอยู่ที่ 74

อาทิตย์ละสองวัน วันละครึ่งชั่วโมงก็พอจ๊ะ

หมอจ๋า..อาทิตย์ละวันค่ะ ทุกวันศุกร์..บริหารข้อมือค่ะ


เรามาดูคลื่นหัวใจกันนะ จ๊ะ

กราฟดูว่า ผิดปรกติ หาเวลาไปตรวจเพิ่มที่โรงพยาบาลนะจ๊ะ

ถ้าหมอบอกว่า ไม่เป็นไร คุณก็ไม่ไปสนใจ ไม่ไปหาหมอ
ถ้าหมอบอกว่า อันตราย คุณก็ตกใจ

เอาเป็นว่า ..หาเวลาไปดูบ้าง มันเริ่มส่งสัญญาณ นะจ๊ะ

..สัญญาณว่า หัวใจมีปัญหา..คริ คริ

คอเรสโตรอลล่ะ..อืมม ทะลุเป้า จ๊ะ

กาแฟเย็นหวานค่ะหมอ ..ช่วงนี้ชีวิตไม่หวาน..
งั้นงด  ลดเหลือ กาแฟดำวันละ สองแก้ว อย่างเดียวก็ได้ค่ะ
เพื่อเห็นแก่หมอจ๊ะ

^ ^

ความหนาแน่นกระดูก

Very Good จ๊ะ...

รักษาไว้นะจ๊ะ ปลาเล็กปลาน้อย..นม ต้องทานเพิ่มขึ้นนะ จ๊ะ

..

ออกจากห้องหมอจ๊ะ ..

รู้สึกดี..ดี.. กับหมอ

ไอ่ที่หมอบอกมาน่ะ

รู้อยู่ว่า เป็นรายงานสุขภาพที่ไม่ค่อยดี

แต่หมอจ๊ะ ..สามารถให้กำลังใจ คนไร้วินัยในการใช้ชีวิตของฉันได้ดี

หมอจ๊ะ..

พรุ่งนี้ คนไข้จะเริ่มดูแลสุขภาพตามที่ หมอจ๊ะ แนะนำจ๊ะ

ปล. ชอบหมอที่สุด
หมอหนุ่มอะไร..ลงท้ายว่า จ๊ะ ..ทุกคำ

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค้าป..

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ฉันเกลียดโทรศัพท์มือถือ..

เรื่องมีอยู่ว่า ฉันลาพักร้อนสองวัน ก่อนอำลาจากโต๊ะทำงาน
ฉันตั้งใจเคลียร์งานประหนึ่งว่า จะลาบวชหรือลาคลอดอย่างนั้นเชียว
ย้ำ..ลาสองวัน ไม่ใช่สองอาทิตย์

วันแรก ฉันตื่นสายโด่ง
อาบน้ำแต่งตัว ลัลลา มาหาอาหารใส่ปากท้อง
อืมม.. ก๋วยเตี๋ยวไก่น้ำตาดี แถม หมูย่างตกครก วางรอสังเวย
กริ๊ง...กริ๊ง... ( จริงๆ Ring Tone มานไพเราะกว่านี้แหละ)
พลัน ภาพเจ้านายก็ปรากฎ..มาตรงหน้า
$52#!2%&89?.....
แล้วคุณเจ้านาย ก็เล่นคำถามตัวเลขกะฉันที่ไม่มีเอกสารสักชิ้น..
เฮ้อ.. เจ้านายขา ไม่คิดถุงหนูสักวันได้ไหมค้า...
ยังไง ก็เจ้านาย
The Boss is Right !!!!!!


วันถัดมา
คุณนายอย่างฉัน ไปนั่งทำเก๋ ดื่มกาแฟ ..
Espresso DoubleShot อุณหภูมิกำลังเหมาะวางอยู่บนโต๊ะที่ร้านสวย ไกลบ้าน
ที่ฉันถ่อสังขารไปหาบรรยากาศแสนดี

กริ๊ง..กริ๊ง....( ชื่อฉัน) พี่ขอกวนนิดได้ไหมคะ
คือว่า ... ๑!$5%7&*#%.... แล้วคำถามชิลล์..ชิลล์ ก็มาเข้าหู
เอ่อ คือว่า เรื่องนี้ หนูอธิบายลูกน้องคุณพี่ไปแล้วนีคะ
อ้อ...พี่ขอเช็คเพื่อความมั่นใจอีกที..ค้า คุณน้อง
กรี๊ดดดดดด...
คุณพี่ขา.. เพื่อความมั่นใจ คุณพี่ต้องกดโทรศัพท์มาหาหนูในวันพักร้อนเลยหรือคะ
แล้ว คุณพี่ก็ไม่ใช่ เจ้านายข้างไหนของหนู..
พระเจ้าช่วย..กล้วยทอด

เทคโนโลยีการสื่อสารปัจจุบัน มัน..ริดลอนสิทธิอันชอบธรรมของฉันไปหมดแล้วหรือไร
อย่าถามว่า ทำไมฉันไม่ปิดโทรศัพท์ซะ
ก็ ญาติพี่น้องหนูยังมีนี่คะ.. เค้าคงอยากติดต่อฉันบ้างเพราะเช็คว่า ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

เล่ามาทั้งหมด ก็แค่ บ่นให้ฟัง
..
สำหรับฉัน
ในวันพักร้อน ลากิจ ลาป่วย
หรือ กิจธุระใดที่จะเป็นต้องติดต่อกันในยามวิกาล ดึกดื่น

ฉันขอเลือกที่จะใช้วิธี ส่ง Message ไป เพื่อให้ผู้รับได้ตัดสินใจว่า
ควรจะโทรกลับมาหรือไม่
และ ฉันเชื่อในความรับผิดชอบของทุกคน..

..

ความคิดคำนึงของฉัน ลอยล่องไปถึงสมัยก่อน
พ่อ แม่ ลุง ป้า น้าอา ของฉัน
เขาใช้ชีวิตอยู่รอดกันได้อย่างไร
โดยไม่มีไอ่เครื่องโทรศัพท์มือถือนี่..


คุณ ๆ ว่าไง

..

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เล่าเรื่องวัน(เกิด)แม่บ้าง

มาเล่าเรื่อง แม่ให้ฟังบ้าง
วันแม่ที่ผ่านมา ..เป็นวันเกิดของแม่
วันแม่ที่พิเศษของใครๆ สำหรับเราจึงพิเศษไปด้วย
พาแม่ไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่
พระเจ้า..คิวยาวรอหนึ่งชั่วโมง
นั่งกินไป ..รออาหารไปอีกสองชั่วโมง
เอานะ..เพื่อแม่
บรรยากาศหน้าร้านน่ะ ..
รู้สึกเหมือน ฮ่องกง..เลย

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่หนึ่ง : เพื่อนร่วมรุ่น


รำพึง นายเอ๋อ ..
เพื่อนร่วมรุ่นของฉัน ที่นายทนทานคิดว่า
เรามาด้วยกัน ..
เฉลย .. เราต่างคนต่างมา
และมิตรภาพเกิดขึ้นที่นี่