เรื่องมีอยู่ว่า ฉันลาพักร้อนสองวัน ก่อนอำลาจากโต๊ะทำงาน
ฉันตั้งใจเคลียร์งานประหนึ่งว่า จะลาบวชหรือลาคลอดอย่างนั้นเชียว
ย้ำ..ลาสองวัน ไม่ใช่สองอาทิตย์
วันแรก ฉันตื่นสายโด่ง
อาบน้ำแต่งตัว ลัลลา มาหาอาหารใส่ปากท้อง
อืมม.. ก๋วยเตี๋ยวไก่น้ำตาดี แถม หมูย่างตกครก วางรอสังเวย
กริ๊ง...กริ๊ง... ( จริงๆ Ring Tone มานไพเราะกว่านี้แหละ)
พลัน ภาพเจ้านายก็ปรากฎ..มาตรงหน้า
$52#!2%&89?.....
แล้วคุณเจ้านาย ก็เล่นคำถามตัวเลขกะฉันที่ไม่มีเอกสารสักชิ้น..
เฮ้อ.. เจ้านายขา ไม่คิดถุงหนูสักวันได้ไหมค้า...
ยังไง ก็เจ้านาย
The Boss is Right !!!!!!
วันถัดมา
คุณนายอย่างฉัน ไปนั่งทำเก๋ ดื่มกาแฟ ..
Espresso DoubleShot อุณหภูมิกำลังเหมาะวางอยู่บนโต๊ะที่ร้านสวย ไกลบ้าน
ที่ฉันถ่อสังขารไปหาบรรยากาศแสนดี
กริ๊ง..กริ๊ง....( ชื่อฉัน) พี่ขอกวนนิดได้ไหมคะ
คือว่า ... ๑!$5%7&*#%.... แล้วคำถามชิลล์..ชิลล์ ก็มาเข้าหู
เอ่อ คือว่า เรื่องนี้ หนูอธิบายลูกน้องคุณพี่ไปแล้วนีคะ
อ้อ...พี่ขอเช็คเพื่อความมั่นใจอีกที..ค้า คุณน้อง
กรี๊ดดดดดด...
คุณพี่ขา.. เพื่อความมั่นใจ คุณพี่ต้องกดโทรศัพท์มาหาหนูในวันพักร้อนเลยหรือคะ
แล้ว คุณพี่ก็ไม่ใช่ เจ้านายข้างไหนของหนู..
พระเจ้าช่วย..กล้วยทอด
เทคโนโลยีการสื่อสารปัจจุบัน มัน..ริดลอนสิทธิอันชอบธรรมของฉันไปหมดแล้วหรือไร
อย่าถามว่า ทำไมฉันไม่ปิดโทรศัพท์ซะ
ก็ ญาติพี่น้องหนูยังมีนี่คะ.. เค้าคงอยากติดต่อฉันบ้างเพราะเช็คว่า ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
เล่ามาทั้งหมด ก็แค่ บ่นให้ฟัง
..
สำหรับฉัน
ในวันพักร้อน ลากิจ ลาป่วย
หรือ กิจธุระใดที่จะเป็นต้องติดต่อกันในยามวิกาล ดึกดื่น
ฉันขอเลือกที่จะใช้วิธี ส่ง Message ไป เพื่อให้ผู้รับได้ตัดสินใจว่า
ควรจะโทรกลับมาหรือไม่
และ ฉันเชื่อในความรับผิดชอบของทุกคน..
..
ความคิดคำนึงของฉัน ลอยล่องไปถึงสมัยก่อน
พ่อ แม่ ลุง ป้า น้าอา ของฉัน
เขาใช้ชีวิตอยู่รอดกันได้อย่างไร
โดยไม่มีไอ่เครื่องโทรศัพท์มือถือนี่..
คุณ ๆ ว่าไง
..